อย่างที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบันทางเลือกในการรักษาโรคต่างๆ ของคนเรามีเยอะแยะมากมาย เนื่องมาจากปัญหาและข้อจำกัดในการรักษาของแต่ละคนที่มีความแตกต่างและหลากหลายกันออกไป ทำให้วิธีการรักษานั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษาของแต่ละบุคคล ในศาสตร์การรักษาแขนง เวชศาสตร์ฟื้นฟู ก็เช่นเดียวกัน
การรักษาแขนงเวชศาสตร์ฟื้นฟูเอง ต่างก็มีการปรับเปลี่ยนพัฒนาการรักษาให้ทันสมัย แม่นยำ ปลอดภัย และเห็นผลมากยิ่งขึ้น ทำให้เวชศาสตร์ฟื้นฟูเองสามารถรองรับกับผู้ป่วยได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย โดยเราจะมาดูกันว่าในปัจจุบันนี้การรักษาแบบเวชศาสตร์ฟื้นฟูจะเหมาะกับผู้ป่วยแบบไหน
เวชศาสตร์ฟื้นฟู คืออะไร
ก่อนที่จะไปดูกลุ่มผู้ป่วยที่เหมาะกับการรักษาแบบเวชศาสตร์ฟื้นฟู เรามาทำความรู้จักกับเวชศาสตร์ฟื้นฟูสักเล็กน้อย โดย เวชศาสตร์ฟื้นฟู คือ แขนงหรือสาขาหนึ่งทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นการดูแลรักษา และฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ป่วยให้กลับมาแข็งแรงหรือกลับสู่สภาพเดิมให้ได้มากที่สุด ด้วยวิธีการฟื้นฟูที่หลากหลายวิธี ตามอาการและสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งเวชศาสตร์ฟื้นฟูจะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยโรค ประเมินอาการ รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการรักษา ให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคหรือมีอาการเข้าข่ายที่ต้องได้รับการฟื้นฟูร่างกาย
กลุ่มผู้ป่วยที่เหมาะกับลักษณะการรักษาแบบเวชศาสตร์ฟื้นฟู
1. กลุ่มผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อ และกระดูก – ผู้ป่วยที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดตามข้อและกระดูก เช่น ไหล่ติด หรือเข่าเสื่อม
2. กลุ่มผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท – ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง ชามือ ชาเท้า มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก
3. กลุ่มผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ – ผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดอักเสบ หรือโรคปอดอุดกั้น
4. กลุ่มผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดและหัวใจ – ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดในสมอง
5. กลุ่มผู้ป่วยเด็กที่มีพัฒนาการช้า
6. กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือจากการเล่นกีฬา
7. กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องฟื้นฟูร่างกายจากการผ่าตัด
สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่เหมาะกับลักษณะการรักษาแบบเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่เราพูดถึงในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมด ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเวชศาสตร์ฟื้นฟูสามารถทำการรักษาได้หลากหลายมากๆ หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านต่อได้ที่ https://www.rehabcareclinic.com/