วีซ่า
ข้อมูลทั่วไป
1. คนต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องขอรับการตรวจลงตราหรือขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่ตนมีถิ่นพำนัก หรือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศที่คนต่างชาติดังกล่าวมีถิ่นพำนัก หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ขอวีซ่า กรุณาสอบถามได้จากสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยทุกแห่ง
2. คนต่างชาติบางสัญชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งมี 2 กลุ่มดังนี้
(1) ประเทศที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว และสามารถพำนักอยู่ในไทยได้ไม่เกิน 30 วัน
(2) ประเทศที่มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรากับประเทศไทย
3. คนต่างชาติบางสัญชาติสามารถมาขอรับการตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยบางแห่งที่กำหนดไว้ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ (visa on arrival) โดยสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 15 วัน
4. คนต่างด้าวที่เดินทางมาจากประเทศเขตติดโรคไข้เหลืองจะต้องแสดง “เอกสารระหว่างประเทศรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง” (International Health Certificate on Yellow Fever Vaccination) ในการยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตรา ณ สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งจะต้องแสดงเอกสารดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้
5. คุณสมบัติโดยทั่วไปของผู้ที่จะยื่นขอวีซ่าเข้าไทยได้มีดังนี้
– ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ และมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
– มีหลักฐานแสดงว่าจะเดินทางออกจากประเทศไทยหลังจากสิ้นสุดการพำนักในไทย เช่น ตั๋วเครื่องบิน และมีวีซ่าหรือหลักฐานว่าสามารถเดินทางกลับประเทศที่มีถิ่นพำนัก หรือเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นได้ (ในกรณีขอเดินทางผ่าน)
– ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เช่น เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลไทยหรือคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน หรือเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีเงินค่าใช้จ่ายเพียงพอในขณะพำนักในไทยตามระเบียบกำหนดคืออย่างน้อยคนละ 20,000 บาท เป็นต้น
6. ในการขอวีซ่านั้น คนต่างชาติจะต้องขอรับการตรวจลงตราให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ การอนุมัติวีซ่าอยู่ในดุลพินิจของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ และในการตรวจลงตราให้แก่คนต่างชาติบางสัญชาติ ได้มีการกำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นพิเศษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่ง
7. เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการเดินทาง คนต่างชาติที่จะขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับอายุของวีซ่า (visa validity) และระยะเวลาพำนัก (period of stay) อายุของวีซ่าหมายถึงระยะเวลาที่ผู้ได้รับวีซ่าสามารถใช้เดินทางมาประเทศไทยได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลจะเป็นผู้กำหนดอายุของวีซ่าและจะปรากฏอยู่ในวีซ่าสติ๊กเกอร์หรือตราประทับวีซ่าของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ โดยทั่วไปอายุของวีซ่าคือ 3 เดือนนับจากวันที่ออกวีซ่า แต่ในบางกรณีและสำหรับวีซ่าบางประเภทอายุของวีซ่าอาจเป็น 6 เดือน หรือ 1 ปี หรือ 3 ปี
ส่วนระยะเวลาพำนักหมายถึงระยะเวลาที่ผู้เดินทางได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศไทยได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาพำนักเมื่อคนต่างชาติเดินทางมาถึง และจะปรากฏอยู่ในตราประทับขาเข้า ระยะเวลาพำนักขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่า เช่น transit visa จะได้รับอนุญาตให้พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน tourist visa ไม่เกิน 30 วันหรือ 60 วัน และ non-immigrant visa ไม่เกิน 90 วัน หากมีความจำเป็นต้องอยู่เกินกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว คนต่างชาติต้องไปยื่นคำร้องขออนุญาตอยู่ต่อที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (มีสำนักงานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด) มิฉะนั้น หากอยู่เกินกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต จะถูกปรับวันละ 500 บาทรายละเอียดเกี่ยวกับการขออนุญาตอยู่ต่อ สอบถามได้จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โทร. 0-2141-9889 หรือดูที่เว็บไซต์ www.immigration.go.th
8. คนต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทใด ๆ ก็ตาม ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงาน ดังนั้น คนต่างชาติที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องขอรับการตรวจลงตราประเภทที่ถูกต้องคือ Non-Immigrant Visa “B” เพื่อที่จะสามารถยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานได้ รายละเอียดเกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาตทำงานดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่ www.doe.go.th/workpermit/index.html
9. สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยมีอำนาจหน้าที่ในการให้วีซ่าแก่คนต่างชาติเพื่ออนุญาตให้เดินทางมาประเทศไทยได้ อย่างไรก็ดี การอนุญาตให้เข้าประเทศไทย รวมทั้งการกำหนดระยะเวลาที่จะอนุญาตให้พำนักในประเทศไทย เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น คนต่างชาติที่ได้รับวีซ่าแล้วบางรายอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่าบุคคลดังกล่าวมีลักษณะหรือพฤติการณ์เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
เอกสารที่จำเป็นในการยื่นขอรับการตรวจลงตรา
1. ใบคำร้องขอรับการตรวจลงตรา
2. หนังสือเดินทางที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3. สำเนาหนังสือเดินทาง
4. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ หรือหลักฐานยืนยันการจองการเดินทาง
5. หนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากธนาคาร
6. หนังสือรับรองการทำงาน (ในกรณีที่ทำงาน)
7. หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนไข้เหลือง (ในกรณีที่เดินทางจากพื้นที่ไข้เหลือง)
8. รูปถ่ายสี 1 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
หมายเหตุ: การตรวจลงตราขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานเอกอัครราชทูต ในบางกรณี สถานเอกอัครราชทูตอาจจะขอสัมภาษณ์หรือขอดูเอกสารเพิ่มเติมได้
ค่าบริการรับการตรวจลงตรา ประเภทต่างๆ
1. เดินทางผ่าน/1ครั้ง 250 ปอนด์อียิปต์
2. ท่องเที่ยว/1 ครั้ง 300 ปอนด์ิอียิปต์
3. คนอยู่ชั่วคราว (3 เดือน) 580 ปอนด์อียิปต์
4. คนอยู่ชั่วคราว (1 ปี) 1,420 ปอนด์อียิปต์
หนังสือเดินทาง
ประเภทหนังสือเดินทาง
1. หนังสือเดินทาง (อายุ 5 ปี)
2. หนังสือเดินทางชั่วคราว (อายุ 1 ปี)
Temporary Passport (สำหรับคนไทยทีหนังสือเดินทางหมดอายุหรือสูญหาย และมีความประสงค์จะเดินทาง
ไปต่างประเทศอย่างเร่งด่วน)
3. หนังสือสำคัญประจำตัว
Certificate of Identity – C.I (สำหรับคนไทยที่หนังสือเดินทางหมดอายุหรือสูญหายในอียิปต์ และ
มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร่งด่วน)
การขอหนังสือเดินทาง
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) คือหนังสือเดินทางที่มีการบันทึกข้อมูลชีวภาพ (Biometric Data) ได้แก่ รูปใบหน้าและม่านตา หรือลายนิ้วมือไว้ใน Contactless Integrated circuit ซึ่งฝังอยู่ในหนังสือเดินทาง และมีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของหนังสือเดินทาง
E-Passport มีอายุ 5 ปี และไม่สามารถต่ออายุในเล่มเดิมได้ เมื่อหนังสือเดินทางหมดอายุจะต้องขอเล่มใหม่
ข้อมูลส่วนตัวในหนังสือเดินทางจะอ้างอิงตามข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ของผู้ขอหนังสือเดินทางที่ประเทศไทย ดังนั้น
ชื่อ – สกุลในหนังสือเดินทางเล่มใหม่จะตรงกับหลักฐานทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยจะไม่ขึ้นอยู่กับหนังสือเดินทางเล่มเดิม หากผู้ยื่นคำร้องต้องการให้นามสกุลในหนังสือเดินทางเป็นนามสกุลหลังการสมรส/หย่า จะต้องแก้ไขข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ก่อนที่จะขอทำหนังสือเดินทาง
1. การยื่นคำร้อง
1. ติดต่อฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ในวันทำการ ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น.
2. ผู้ขอหนังสือเดินทางจะต้องเดินทางไปทำหนังสือเดินทางด้วยตนเอง กรณีบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
(อายุไม่ถึง 20 ปี) ผู้ปกครอง (ทั้งบิดาและมารดา) จะต้องมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วย
3. ไม่ควรวางแผนเดินทางหากยังไม่ได้รับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ณ ปัจจุบันนี้ ระยะเวลาในการผลิตหนังสือเดินทางไทยไม่น้อยกว่า 2 เดือน
4. ค่าธรรมเนียม 250 ปอนด์อียิปต์ (เงินสด)
2. แบบฟอร์มที่ต้องกรอก
1. คำร้องขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 1 ชุด
2. บันทึกสอบสวน จำนวน 1 ชุด (กรณีหนังสือเดินทางหาย)
3. หลักฐานประกอบ
3.1 บุคคลที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
3.2 บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ บิดา – มารดาจดทะเบียนสมรสกันแล้ว
1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาสูติบัตรไทย จำนวน 1 ชุด
4. สำเนาทะเบียนสมรสของบิดา – มารดา จำนวน 1 ชุด
5. สำเนาหน้าหนังสือเดินทางของบิดา – มารดา จำนวน 1 ชุด
6. สำเนาบัตรประชาชน หรือ ทะเบียนบ้านของบิดา – มารดา (เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย) จำนวน 1 ชุด
3.3 บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ บิดา – มารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส
1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาสูติบัตรไทยจำนวน 1 ชุด
4. สำเนาใบปกครองบุตร (ป.ค.14) จำนวน 1 ชุด
5. สำเนาหน้าหนังสือเดินทางของบิดา – มารดา จำนวน 1 ชุด
6. สำเนาบัตรประชาชน หรือ ทะเบียนบ้านของบิดา-มารดา (เฉพาะผู้ที่มีสัญชาติไทย) จำนวน 1 ชุด
3.4 บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ บิดา – มารดาได้จดทะเบียนหย่าเเล้ว
1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาสูติบัตรไทย จำนวน 1 ชุด
4. สำเนาทะเบียนหย่าและบันทึกการหย่าของบิดา – มารดา จำนวน 1 ชุด
5. สำเนาใบปกครองบุตร (ป.ค. 14) หรือบันทึกการหย่าที่ระบุผู้มีอำนาจในการปกครองบุตร จำนวน 1 ชุด
6. สำเนาหน้าหนังสือเดินทางของบิดา – มารดา จำนวน 1 ชุด
7. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ปกครองบุตร จำนวน 1 ชุด
***ในกรณีบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี – ต้องมีบิดาและมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ หรือหากไม่สามารถลงนามด้วยตนเองได้ ต้องมีหนังสือยินยอมของบิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมาย